ปัญหาโลกแตก รถหรือบ้าน ซื้ออะไรก่อนดี?

รถและบ้าน เป็นอีกความฝันของใครหลายๆ คน เพราะเมื่อเราเริ่มมีรายได้แล้ว ก็ย่อมอยากนำไปใช้จ่ายและสร้างไลฟ์สไตล์ในแบบฉบับของตัวเอง แต่การซื้อรถหรือบ้านนั้นเป็นปัญหาโลกแตกไม่ใช่น้อย เนื่องจากเป็นของที่มีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเงินเดือนและเงินเก็บที่มีอยู่ และแน่นอนว่าอาจไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงินสดที่มีอยู่ แต่ต้องใช้การกู้เงินและผ่อนชำระกับธนาคาร

เราจึงต้องสำรวจเป้าหมาย และความพร้อมของตัวเราให้ดีเสียก่อน เพราะการตัดสินใจซื้อรถหรือบ้านนั้น อาจส่งผลกับชีวิตเราได้ทั้งในแง่ลบและบวก แต่เราต้องดูอะไรบ้างนั้น วันนี้จะมาเคลียร์ให้ชัดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและช่วยให้การตัดสินใจง่ายขึ้น

1. สำรวจความพร้อมของตัวเองในการกู้เงิน

การประเมินความสามารถของตัวเองในการซื้อทรัพย์สินด้วยการผ่อนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราจึงต้องรู้รายรับและรายจ่ายรายเดือนของเราให้ชัดเจนเสียก่อน และจากนั้นจึงมาคิดเทียบกับความสามารถในการชำระเงินของเรา โดยปกติแล้วการซื้อรถและซื้อบ้านจะต้องมีเงินอยู่ 2 ส่วน ได้แก่

  • ค่าใช้จ่ายในการซื้อทรัพย์สิน : ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเงินดาวน์ เงินกู้ยืม และดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น เราจะต้องนำมาคำนวณให้ดีว่าแต่ละแผนของการซื้อและการผ่อนชำระรายเดือนนั้นเหมาะสมกับความสามารถในการชำระเงินของเราหรือไม่ “ซึ่งการผ่อนชำระนั้น เงินกู้ไม่ควรเกิน 40% ของรายได้” เช่น เรามีเงินเดือน 30,000 บาท เราจะมีความสามารถในการชำระเงินกู้ได้เดือนละ 12,000 บาท เป็นต้น ทั้งนี้ความพร้อมของแต่ละคนขึ้นอยู่กับภาระค่าใช้จ่ายและหนี้สินอื่นๆ ที่มีอยู่ด้วย
  • ค่าใช้จ่ายในการบำรุงทรัพย์สิน : เมื่อเราซื้อบ้านหรือรถนั้นเราจะมีค่าใช้จ่ายต่อเนื่องอีกเป็นจำนวนมาก เช่น ค่าบำรุงรักษา-ค่าส่วนกลางของที่อยู่อาศัย หรือ ค่าน้ำมัน ค่าประกันรถยนต์ ค่าที่จอดรถในการใช้งานรถยนต์ ก็ต้องนำมาคำนวณภาระในการใช้จ่ายต่อเดือนเช่นกัน

หากเราคำนวณดูแล้วว่า รายได้ของเรานั้นยังไม่พร้อมต่อการเป็นหนี้เพื่อซื้อทรัพย์สินที่อยากได้  เราอาจจะต้องหารายได้ให้มากขึ้น ลดภาระหนี้สินด้านอื่นๆ ของเรา หรือเปลี่ยนไปซื้อทรัพย์สินที่เหมาะสมกับฐานะและความสามารถในการผ่อนของเราแทน


2. สร้างเช็กลิสต์ความจำเป็น ซื้ออะไรก่อนดี?

เมื่อเราสำรวจความพร้อมด้านการเงินในการขอกู้กันไปเรียบร้อยแล้ว ก็มีถึงข้อสำคัญนั่นคือ การมองถึงความจำเป็นว่าจะต้องซื้ออะไรก่อน  ซึ่งเราควรทำเช็กลิสต์ขึ้นมาช่วยจัดลำดับความสำคัญและจำเป็น รวมถึงแง่มุมทางด้านการเงิน เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจในการเลือกซื้อ เช่น


  • ดูความจำเป็นในการซื้อจากสิ่งที่มีอยู่ : ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคน เช่น บางคนอาศัยอยู่กับครอบครัว ไม่มีแผนจะแต่งงาน และยังไม่มีรถเพื่อใช้งานก็อาจจะพิจารณาซื้อรถก่อน บางคนอาจจะได้รับรถส่งต่อมาจากพ่อแม่ แต่มีแผนว่าจะแต่งงานและขยับขยายพื้นที่ให้ครอบครัว ก็อาจจะพิจารณาซื้อบ้านก่อน
  • ดูประโยชน์ที่จะได้จากการใช้ชีวิตประจำวัน : กรณีที่ยังไม่มีทั้งบ้านและรถ หากเราต้องทำงานที่ต้องขับรถและเดินทางตลอดเวลา ก็อาจจะพิจารณาซื้อรถเพื่อประโยชน์ในการเดินทางก่อน ในกรณีกลับกัน หากเรามองว่ารถไม่มีความจำเป็นต่อชีวิตในแต่ละวัน เพราะทำเลบ้านหรือคอนโดของเราสามารถเดินทางไปทำงานด้วยระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวกสบาย ก็อาจจะพิจารณาซื้อบ้านก่อน แต่อย่าลืมว่าในอนาคตเราอาจเปลี่ยนงานก็ได้ ดังนั้นอาจต้องวางแผนและตัดสินใจให้ดีเสียก่อน
  • ดูประโยชน์ที่ได้รับจากแง่มุมทางการเงิน : หลายคนอาจจะต้องใช้ชีวิตคนเดียว และต้องเลือกว่าจะเช่าบ้านและซื้อรถเพื่อใช้เดินทาง หรือ ซื้อบ้านและใช้ระบบขนส่งสาธารณะแทน ทั้งนี้เราจะคำนวณเปรียบเทียบความคุ้มค่าในทั้ง 2 ทางเลือกก่อน เช่น บางคนอาจมองว่าการซื้อรถก่อนจะเอื้อประโยชน์ต่อการทำมาหาเลี้ยงชีพมากกว่าการไม่มีรถ และในอนาคตสามารถนำเงินจากการประกอบอาชีพมาซื้อบ้านได้อย่างรวดเร็ว ก็ควรจะซื้อรถก่อน แต่ถ้าหากการซื้อรถนั้นไม่ได้ประโยชน์อะไรในการเพิ่มรายได้ หรือลดภาระทางการเงิน จะมีก็แต่ค่าเสื่อมสภาพเกิดขึ้นเรื่อยๆ การซื้อบ้านก่อนก็ย่อมมีผลดีกว่า เนื่องจากในแต่ละปีที่ผ่านไปมูลค่าของบ้านมักจะแพงขึ้นเรื่อยๆ การซื้อบ้านยิ่งเร็วก็ยิ่งได้ประโยชน์

โดยสรุปแล้ว การตัดสินใจในการซื้อรถหรือบ้านนั้น จะต้องเริ่มจากการสำรวจสถานะทางการเงินของตัวเองเป็นอันดับแรกว่าเรามีความสามารถในการผ่อนชำระแค่ไหน ซึ่งหากพบว่าเรามีความพร้อมในการชำระเงินกู้ในระยะยาวแล้ว ก็ต้องลองพิจารณาดูความจำเป็นในการเลือกซื้อรถหรือบ้าน โดยตั้งคำถามว่าสิ่งใดที่เรายังไม่มี และมีความจำเป็นต้องใช้มากกว่า สิ่งใดที่ซื้อแล้วจะได้ประโยชน์ในการใช้สอยหรือได้ประโยชน์ทางการเงินมากกว่า ก็จะทำให้เราตัดสินใจได้ว่าจะซื้อรถหรือบ้านก่อนเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด

4WD VS AWD มันต่างกันอย่างไรและแบบไหนนั้นดีกว่ากัน!!!

ในโลกยุคใหม่หลายคนที่กำลังจะซื้อรถยนต์ใหม่สักคัน คงจะเคยผ่านตากับออพชั่น  ระบบขับเคลื่อน All Wheel Drive (AWD) ที่เข้ามามีบทบาทในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ หลายรุ่น พวกมันถูกอุ้มชู ให้มีความสามารถในการขับเคลื่อนสี่ล้อ จนบางทีดูเหมือนจะสามารถแสดงอภินิหารได้เกินคำบรรยาย

ยิ่งเมื่อผู้ใช้จำนวนมากทดลองไปผ่านประสบการณ์ใช้งานจริง ทว่าเจ้าระบบขับเคลื่อนแบบ   AWD   นี้ ท้ายที่สุดก็ยังมีจุดอ่อนบางข้อที่ทำให้มันแตกต่างจากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ 4WD   ที่สืบทอดตำนานลุยมากยาวนาน และวันนี้เราจะไปดูว่าท้ายที่สุดแล้ว พวกมันต่างกันอย่างไร 

มันต่างกันอย่างไร ระบบ  AWD VS 4WD 

-ระบบ  All Wheel Drive  ….  

ในยุคที่รถยนต์อเนกประสงค์สมัยใหม่ครองเมือง ระบบ   All Wheel Drive   หรือ  AWD   กลายเป็นพระเอกขี่่ม้าขาวที่ทำให้รถยนต์อเนกประางคืมีค่า มีราคาและดูเหมือนจะพร้อมสรรพเรื่องลุยมากขึ้น จนคนจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิด อยากนำพวกมันไปบุกป่าฝ่าดง และสุดท้ายจบลงอย่างน่าอนาถใจ 
   


ผมไม่ได้บอกว่าระบบ  AWD   ทุกบริษัทเหมือนกัน แต่โดยพื้นฐานแล้วมันทำงานคล้ายกัน  ระบบ  AWD   โดยส่วนใหญ่อาศัยการขับกำลังจากเครื่องยนต์ผ่านชุดเกียร์ แต่จะมีการปรับกำลังขับที่เหมาะสมตามสภาพการร์ที่เกิดขึ้น หรือที่ผู้ขับขี่ต้องการ พวกมันอาศัยการตรวจสอบการหมุนของล้อผ่านโปรแกรมควบคุมการทรงตัวและระบบเบรก   ABS   ที่สามารถดูความเร็วล้อ แล้วผ่านกำลังไปยังล้อที่ต้องการกำลังมากที่สุด และระบบใหม่ๆ บางครั้งไม่แค่เพียงผ่านกำลัง แต่ยังปรับกำลังที่สูญเสียจากล้อหนึ่งไปยังอีกล้อหนึ่งได้ด้วย 

ตามปกติแล้วรถยนต์ที่มาพร้อมระบบ  AWD   จะมีการกระจายกำลังในอัตราที่เหมาะสมตามที่มีการตั้งค่าเอาไว้ เช่นระบบ Symetrical All Wheel Drive   ของ   Subaru XV  ที่มาพร้อมระบบเกียร์แบบ   CVT   จะตั้งแค่การส่งกำลังระหว่างล้อหน้าและล้อหลังในอัตรา  60/40  และจะมีกำลังขับแบบนี้ จนกว่าระบบจะตรวจพบว่าอยู่ในถนนหรือเส้นทางที่มีการลื่นไถลง่าย ก็จะกระจายกำลังเป็น 50/50 ตามการสั่งการของหน่วยประมวลผล 

ระบบ  AWD   นอกจากระบบประเภทที่ขับกำลังทุกล้อตลอดเวลายังมีระบบที่ขับกำลังสี่ล้อในยามที่ต้องการจริงเท่าน้น ระบบแบบนี้ได้รับความนิยมในรถบางยี่ห้อ พวกมันถูกติดตั้งมาเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ระบบลักษณะดังกล่าวเราเรียกว่าระบบ   Real Time All Wheel Drive   มีในรถยนต์หลายรุ่นยอดนิยม อาทิ รถยนต์   Honda  CR-V   หรือ อดีตตัวเด็ด   Chevrolet Captiva 



รถยนต์หลายรุ่นติดตั้งระบบ  AWD   เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจมากขึ้นในยามขับบนทางที่ลื่นไถลง่าย

 ข้อดีของการผ่านกำลังไปยังชุดล้อที่ต้องการในเวลาจริง คือรถไม่กินน้ำมันมากเกินไปเมื่อขับรถในภาวะปกติ  ช่วยให้ผู้ขับขี่ประหยัดน้ำมัน และยังปลอดภัยเมื่อยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ยามเกิดการลื่นไถล  

และด้วยความก้าวหน้าเทคโนโลยีในปัจจุบัน ระบบ  AWD  ของหลายบริษัทสามารถแบ่งกำลังขับได้คล้ายระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เช่นโหมด  Lock   ของ   Nissan  X Trail   หรือ  การติดตั้งระบบ   X Mode   ของ   Subaru  ทำให้รถมีความสามารถในการขับขี่มากขึ้น  
หากจุดประสงค์หลักของระบบ   AWD   คือ ทำให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่สูงสุด โดยเฉพาะในภาวะการขับขี่มีอาจมีการลื่นไถลได้สูง เช่นขับในหิมะหรือทางฝนตก  เป็นต้น 









 



Four Wheel Drive   (4WD)
คนจำนวนไม่น้อยที่เคยขับรถที่มีระบบขับเคลื่อน  AWD   แล้วนำพวกมันไปบุกป่าฝ่าดง แล้วรอดกลับมามีเรื่องเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง คงจะบอก  ก็ไปได้นี่ไม่เห็นเป็นอะไร แต่ความจริง คุณอาจมีโชคเข้าข้าง หรือไม่ก็มีฝีมือในการขับ เอาตัวรอดจากสถานการณ์การลุย รวมถึงระบบขับเคลื่อน  AWD   สมัยนี้บางแบบยังมีโปรแกรมช่วยลุยเสริมหรือแอบแฝงเอาไว้ โดยที่คุณไม่รู้ตัวมากก่อน 

 


ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ 4WD   เป็นระบบจากโลกยุคเก่าที่ยังเก๋าอยู่ในปัจจุบัน ระบบลักษณะนี้ออกแบบมาเพื่อการลุยโดยเฉพาะ โดยอาศัยการควบคุมผ่านระบบกลไกโดยตรง เพื่อควบคุมล้อทั้ง 4 ให้มีกำลังขับตลอดเวลา ในอัตราที่เท่ากัน  50/50  ระหว่างหน้าและหลัง โดยไม่ได้ใช้การควบคุมของระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้าช่วย ในการขับเคลื่อน 

หัวใจสำคัญของระบบเคลื่อนสี่ล้อคือ ว่า ระบบจะขับกำลังไปยังล้อตลอดไม่ว่าล้อจะต้องการกำลังขับหรือไม่ ผ่านชุดเกียร์ที่มีการทดเอาไว้เพื่อขับ โดยระบบจะไม่ขับเคลื่อนสี่บ้อเองโดยอัตโนมัติ ถ้าผู้ขับขี่ไม่สั่งการใช้ระบบให้ทำงาน รวมถึงระบบขับเคลื่อนบบนี้ยังมี 2 ตำแหน่งในการขับขี่ให้เลือก  คือ ตำแหน่งเกียร์ปกติ  และ ตำแหน่งเกียร์ต่ำ หรือ เกียร์   Low   ซึ่งจะมีอัตราทดเกียร์มากกว่าปกติ เหมาะกับการต้องลุยปีนป่าย หรือฝ่าอุปสรรค ที่อาจต้องการแรงบิดมากกว่าปกติ 
 














 
ในแง่การใช้งานจริง ด้วยความที่ระบบเหล่านี้ไม่ได้ทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์กำลังขับที่ส่งมาจึงอาจไม่ได้กระจายเท่ากันสี่ล้อตลอดเวลา ทำให้ในบางสถานการณ์ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออาจไม่สามารถฝ่าอุปสรรค เช่นถ้าล้อคุณลอยชี้ฟ้าข้างหนึ่ง อีกข้างอยู่ในหลุม ล้อข้างที่ไม่มีภาระจะหมุนโดยอิสระและไม่ส่งกำลังไปอีกข้าง หากสองล้อหน้าไม่มีจังหวะตะกุยที่ดี ก็มีโอกาสสูงที่คุณจะต้องขอความช่วยเหลือให้ใครสักคนมาช่วยคุณ 

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เมื่อวิศวกรคิดติดตั้งระบบ locking differential มาให้ ระบบนี้จะล็อคเพลาขับระหว่างล้อซ้ายกับขวาให้หมุนในอัตราที่เท่ากัน ทำให้การฝ่าอุปสรรคง่ายขึ้น และคลายปัญหาเรื่องการลุยไปได้หลายเปราะ 

อย่างไรก็ดี ปัญหาสำคัญของระบบ   4WD   คือ พวกมันใช้ลุยได้ดี แต่ไม่เหมาะกับการขับบนถนนทั่วไป ไม่ว่าถนนลื่นหรือไม่ ระบบขับเคลืือนสี่ล้อแบบนี้ จะมีการล็อคแรงขับในอัตรา 50/50 หน้าและหลังเสมอ ทำให้เกิดการเลี้ยวยาก เมื่อขับขี่ เนื่องล้อมีกำลังขับเท่ากันทั้งหมด มันคงไม่สนุกที่คุณจะขับรถแล้วรู้สึกขืนๆ  โดยเฉพาะเส้นทางที่มีทางโค้งต่อเนื่อง หรือเวลากลับรถ จึงไม่เหมาะต่อการขับบนถนน 


มันแตกต่างแล้วเลือกซื้ออะไรดีกว่ากัน 

หลายคนที่ต้องการระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ มักตอบคำถามตัวเองในความต้องการในแง่การลุยเสมอ หรือต้องการรถสำหรับเที่ยววันว่างและสามารถไปได้มากกว่าแค่ขับบนถนน 

คำถามสำคัญคือ คุณต้องการลุยมากแค่ไหนกัน และอยากไปบุกป่าฝาดงขนาดไหน แต่ละคนให้ความหมายของคำว่าลุยไม่เท่ากัน แต่ถ้าให้บัญญัติว่าเมื่อไรต้องการระบบขับเคลื่อนแบบ   4WD   คุณต้องลุยระดับเขากระโจม  มีการปีนป่านทางชัน มีเส้นทางที่เป็นหลุมบ่อเยอะๆ ไม่สวยงามราบเรียบ ซึ่งถ้าคุณลุยอย่างน้อยเดือนละครั้ง 4WD  คือเพื่อนแท้ 

แต่กลับกันถ้าคุณเป็นคนปกติ ใช้ชีวืตในเมืองมากกว่าขับรถบนถนนปกติมากว่า และเพียงต้องการว่าในวันว่างเราจะควงกันไปเที่ยวไปลุยแบบไม่ถึงกับต้องเข้ารกเข้าพงมาก เอาพอให้ชีวิตมีสีสัน  และยังต้องการรถที่ตอบสนองได้ดีในการขับขี่ทุกวัน พร้อมช่วยคุณเสมอตลอดทั้งเส้นทาง ระบบขับเคลื่อนแบบ  AWD   น่าจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า  

ถ้าสรุปสั้นๆ เข้าใจง่ายๆ ว่าทั้ง 2 ระบบต่างกันอย่างไร คงจะได้ข้อมูลคร่าวๆ ประมาณนี้ 

AWD 4WD
ปรับเป็นขับสองได้ ทำได้บางยี่ห้อบางยี่ห้อ ได้
ขับสี่ล้อตลอดเวลา ใช่ (มีการแปรผันหน้าและหลัง กำลังขับไม่เท่ากัน) ไม่ใช่
การประหยัดน้ำมัน แย่กว่า ดีกว่า
ความสามารถในลุย ขึ้นอยู่กับโหมดขับขี่หรือการเซทโปรแกรมของวิศวกร เลือกได้ 2 ระดับ 4 Hi – 4 Low   และอาจมากกว่านี้ในบางผู้ผลิต
การขับกำลังสี่ล้อโดยอาศัย กลไก และระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำงานควบคู่กัน ระบบกลไกเป็นหลัก
เหมาะกับการขับบนถนน เหมาะใช้งานได้ตลอดทุกสภาพถนน ไม่เหมาะควรปรับเป็นขับสองเมื่ขับบนถนน

มาถึงตรงนี้เชื่อว่า หลายคนคงอยากให้ฟันธงว่า ระบบไหนเหมาะกับคุณกว่า ผมคงไม่สามารถตอบได้ว่า ระบบไหนจะเหมาะกับคุณผู้อ่านมากกว่า เนื่องจากภาวะการใช้รถของเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน  แต่วันนี้อย่าวน้อยที่สุดคุณก็เข้าใจในเบื้องต้นแล้วว่า ระบบทั้งสองต่างกันอย่างไร และในวันหน้าถ้าต้องเลือกรถที่มาพร้อมระบบเหล่านี้ จะได้มองหาตัวเลือกที่ถูกต้อง 





 

แนะนำมากยิ่งได้มาก




เพียงคุณแนะนำใครก็ได้มาซื้อรถกับ"โชว์รูมรถมือสองรีเจ้นท์โฮมคาร์ " รับสินน้ำใจทันที 10,000 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 089-458-8661 เชน
Line : @regenthomecar (อย่าลืมพิมพ์ @ นำหน้านะคะ)

4 รถใหม่ เหมาะกับคุณผู้หญิง …ที่คุณอาจไม่เคยรู้ คันเล็กแต่สเป็คไม่เล็กนะครับ

        พูดถึงการเลือกซือ้รถยนต์สักคัน สำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลายแล้ว การหาซื้อรถยนต์สักคันน่าจะเป็นโจทย์ที่ยากยิ่ง ด้วยความไม่รู้เรื่องรถมากเท่าผู้ชาย หรือบางทีไปปรึกษาแล้วไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ แตรถต่อไปนี้ ทีมงาน   Ridebuster   เราผ่านมือมาแล้ว และอยากจะบอกว่า มันเป็นรถที่เหมาะกับผู้หญิงมากๆ … เลยครับ ไม่ต้องไปปรึกษา ไปดูรถมั่นใจว่าคุณน่าจะต้องชอบพวกมัน แน่นอน....
 

1.รถที่เหมาะกับผู้หญิง “Toyota Yaris ATIV”

 อีกรุ่นรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อสาวๆ โดยเฉพาะ ด้วยเครื่องยนต์ 3NR-FE เทคโนโลยี DUAL VVT-i 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร 86 แรงม้า ระบบเกียร์ Super CVT-I และระบบควบคุมการทรงตัวช่วยในการขับขี่ให้สะดวกขึ้น รูปลักษณ์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวแต่ภายในหรูหรามีระดับ ห้องโดยสารมีความกว้างสบาย ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 415,000 บาท

2.รถที่เหมาะกับผู้หญิง “ Mazda 3 ”

รถยนต์มาสด้า ในปัจจุบันถือว่าเป็นกระแส และเป็นที่พูดถึงเป็นวงกว้างในวงการรถยนต์ ด้วยดีไซน์ เทคโนโลยี คุณภาพ ความประหยัด ที่ใครได้เห็นเป็นต้องมอง และอยากได้มาครอบครอง หากคุณอยากเป็นผู้หญิงที่ดูดี มีสไตล์ เลือกขับ Mazda ก็ถือว่า เป็นรถยนต์รุ่นท็อปที่ควรค่าแก่การครอบครอง ราคา 455,000 บาท

3.รถที่เหมาะกับผู้หญิง “ Honda BRIO 2019 ”

เมื่อพูดถึงรถยนต์ในประเทศไทยที่ได้รับความนิยม หรือเป็นรถยนต์ที่พูดถึงกันมาก หากไม่เอ่ยถึง Honda คงเป็นเรื่องผิด เพราะแบรนด์นี้ ถือว่าตีตลาดรถยนต์ในเมืองไทยมาอย่างยาวนานแถมยังได้รับความนิยมมากด้วย ซึ่งรถยนต์คันเล็กที่เหมาะกับคุณผู้หญิงของ Honda ก็มีหลายรุ่นด้วยกัน เช่น Brio, Brio Amaze, City, Jass, Mobilio, BR-V, CIVIC และรุ่นอื่นๆอีกมากมาย ที่มีให้คุณเลือกซื้อตามไลฟ์สไตล์การขับขี่ที่คุณมี เอาเป็นว่าหากคุณสนใจ ก็ลองศึกษาข้อมูล เพื่อหารถยนต์ที่เหมาะกับคุณที่สุด 415,000 บาท

 

4.รถที่เหมาะกับผู้หญิง “ Nissan Sylphy 2016 ”

รถ NISSAN SYLPHY ปี 2016  เรียกได้ว่าเป็นรถเก๋งที่หรูหราขั้นสุดของนิสสันทีเดียว และมีการตกแต่งภายในที่สาว ๆ นั่งแล้วคงไม่อยากจะลง เบาะหนังทั้งคันดูเนี๊ยบ และมีหน้าจอที่คิดว่าใช้ดูรายการต่าง ๆ ได้ด้วย ภายในกว้างขวางนั่งสบายมาก ๆ ทั้งคนขับและผู้โดยสาร ดังนั้นจึงต้องรอราคากันอีกสักพัก 475,000 บาท

รถมือสองสำหรับครอบครัว 7 ที่นั่งที่น่าสนใจ สำหรับครอบครัว

รีวิว!! HONDA CR-V รุ่น 7 ที่นั่ง


        สำหรับ Honda CR-V แบบ 7 ที่นั่ง รูปลักษณ์ภายนอกไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเริ่มตั้งแต่ ชุดกระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมี่ยมไฟหน้า ไฟตัดหมอก และไฟท้าย เป็นแบบLED กระจกข้างที่มาพร้อมไฟเลี้ยวในตัว มือจับประตูด้านนอกเป็นสีเดียวกับตัวรถ กาบด้านข้างประตูเพิ่มความหรูด้วยวัสดุชุบโครเมี่ยม ด้านท้ายมาพร้อมสปอยเลอร์สไตล์สปอร์ตดูโฉบเฉี่ยว ฝากระโปรงด้านท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรีที่สามารถปิด-เปิด ได้ด้วยตัวเอง รวมไปถึงล้ออัลลอยด์ ขนาด 18 นิ้ว แบบทูโทน สีเงินสลับสีดำเงาที่มาเหมือนกันกับรุ่น 5 ที่นั่ง
 

ตรวจเครดิตบูโรได้ที่ไหน?

 ตรวจเครดิตบูโรได้ที่ไหน? ลูกค้าหลายท่านคงยังไม่ทราบว่าจะเช็คเครดิตบูโรของตัวเองได้ที่ไหน ทางรีเจ้นท์โฮมคาร์ มีสถานที่สำหรับตรวจเช็คเครดิตบูโรมาแนะนำเพื่อความสะดวกกับลูกค้า ใกล้ที่ไหนไปที่นั้นได้เลยค่ะ

มาตามนัด!!! พบกับกิจกรรม Live สด! ของทางโชว์รูมรีเจ้นท์โฮมคาร์ราชพฤกษ์ทุกวันพุธตามเคย พบกับรีวิวรถปีใหม่

มาตามนัด!!! พบกับกิจกรรม Live สด! ของทางโชว์รูมรีเจ้นท์โฮมคาร์ราชพฤกษ์ทุกวันพุธตามเคย พบกับรีวิวรถปีใหม่ วิ่งน้อย มีประกันศูนย์ ประจำสัปดาห์ Ford ranger 2.2 Wild Trak 2016 มาพร้อมกับ Toyota Hilux Revo 2.4 E 2018 และ Nissan Navara 2.5 El 2017 พร้อมรับโปรโมชั่นมากมาย ย้ำ!! แถมทอง ห้ามพลาดนะคะ วันที่ 18 ธันวาคม 2562 เวลา 16:30 ตรง

โปรโมชั่น ประจำเดือนมกราคม 2563

แรงแซงทุกโปร! เดือนรับทรัพย์รับโชค 
รีเจ้นท์โฮมคาร์ แจกหนัก แจกจริง ออกโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง ตามคำเรียกร้องของลูกค้า
ซื้อรถที่ รีเจ้นท์โฮมคาร์ ฟรีค่าจัดค่าโอน แถมรับส่วนลดทันที 5,999 บาท 
พร้อมของแถมอีก 5 รายการ❗
อย่าช้านะคะ ของดีไม่ได้มีมาบ่อยๆ 
สนใจสอบถามเพิ่มเติมโทร 089-4588661
***สำหรับลูกค้าที่จองและออกรถเดือน มกราคม ปี 2563 เท่านั้น***
 

พบกับรีวิวรถกระบะ

รถกระบะรุ่นท๊อป เกรดพรีเมียม
TOYOTA HILUX REVO 2.4 Gปี2017
TOYOTA HILUX REVO 2.4 G ปี2016
NiSSAN NAVARA 2.5 EL ปี2017
 สวยทุกคันค่ะ


https://www.facebook.com/regenthomecar/?eid=ARCofwN13Xbb1d6T-SbvcyfCwJS1eGgnhnkgGAQmBzJpXJSfqpJBRbP-gsnu0_xh9yNf3M3XNFauRwl5
--------------------------------------

9 อาการเบรค จำเป็นต้องรู้

9 อาการเบรค!!! จำเป็นต้องรู้

ส่องอาการปัญหาช่วงล่างจากพวงมาลัย  อย่างไรเรียก ผิดปกติ

ส่องอาการปัญหาช่วงล่างจากพวงมาลัย 
อย่างไรเรียก ผิดปกติ
Total 12 | Page 1
footer