รถและบ้าน เป็นอีกความฝันของใครหลายๆ คน เพราะเมื่อเราเริ่มมีรายได้แล้ว ก็ย่อมอยากนำไปใช้จ่ายและสร้างไลฟ์สไตล์ในแบบฉบับของตัวเอง แต่การซื้อรถหรือบ้านนั้นเป็นปัญหาโลกแตกไม่ใช่น้อย เนื่องจากเป็นของที่มีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเงินเดือนและเงินเก็บที่มีอยู่ และแน่นอนว่าอาจไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงินสดที่มีอยู่ แต่ต้องใช้การกู้เงินและผ่อนชำระกับธนาคาร
เราจึงต้องสำรวจเป้าหมาย และความพร้อมของตัวเราให้ดีเสียก่อน เพราะการตัดสินใจซื้อรถหรือบ้านนั้น อาจส่งผลกับชีวิตเราได้ทั้งในแง่ลบและบวก แต่เราต้องดูอะไรบ้างนั้น วันนี้จะมาเคลียร์ให้ชัดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและช่วยให้การตัดสินใจง่ายขึ้น
1. สำรวจความพร้อมของตัวเองในการกู้เงิน
การประเมินความสามารถของตัวเองในการซื้อทรัพย์สินด้วยการผ่อนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราจึงต้องรู้รายรับและรายจ่ายรายเดือนของเราให้ชัดเจนเสียก่อน และจากนั้นจึงมาคิดเทียบกับความสามารถในการชำระเงินของเรา โดยปกติแล้วการซื้อรถและซื้อบ้านจะต้องมีเงินอยู่ 2 ส่วน ได้แก่
หากเราคำนวณดูแล้วว่า รายได้ของเรานั้นยังไม่พร้อมต่อการเป็นหนี้เพื่อซื้อทรัพย์สินที่อยากได้ เราอาจจะต้องหารายได้ให้มากขึ้น ลดภาระหนี้สินด้านอื่นๆ ของเรา หรือเปลี่ยนไปซื้อทรัพย์สินที่เหมาะสมกับฐานะและความสามารถในการผ่อนของเราแทน
2. สร้างเช็กลิสต์ความจำเป็น ซื้ออะไรก่อนดี?
เมื่อเราสำรวจความพร้อมด้านการเงินในการขอกู้กันไปเรียบร้อยแล้ว ก็มีถึงข้อสำคัญนั่นคือ การมองถึงความจำเป็นว่าจะต้องซื้ออะไรก่อน ซึ่งเราควรทำเช็กลิสต์ขึ้นมาช่วยจัดลำดับความสำคัญและจำเป็น รวมถึงแง่มุมทางด้านการเงิน เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจในการเลือกซื้อ เช่น
โดยสรุปแล้ว การตัดสินใจในการซื้อรถหรือบ้านนั้น จะต้องเริ่มจากการสำรวจสถานะทางการเงินของตัวเองเป็นอันดับแรกว่าเรามีความสามารถในการผ่อนชำระแค่ไหน ซึ่งหากพบว่าเรามีความพร้อมในการชำระเงินกู้ในระยะยาวแล้ว ก็ต้องลองพิจารณาดูความจำเป็นในการเลือกซื้อรถหรือบ้าน โดยตั้งคำถามว่าสิ่งใดที่เรายังไม่มี และมีความจำเป็นต้องใช้มากกว่า สิ่งใดที่ซื้อแล้วจะได้ประโยชน์ในการใช้สอยหรือได้ประโยชน์ทางการเงินมากกว่า ก็จะทำให้เราตัดสินใจได้ว่าจะซื้อรถหรือบ้านก่อนเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ยิ่งเมื่อผู้ใช้จำนวนมากทดลองไปผ่านประสบการณ์ใช้งานจริง ทว่าเจ้าระบบขับเคลื่อนแบบ AWD นี้ ท้ายที่สุดก็ยังมีจุดอ่อนบางข้อที่ทำให้มันแตกต่างจากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ 4WD ที่สืบทอดตำนานลุยมากยาวนาน และวันนี้เราจะไปดูว่าท้ายที่สุดแล้ว พวกมันต่างกันอย่างไร
ในยุคที่รถยนต์อเนกประสงค์สมัยใหม่ครองเมือง ระบบ All Wheel Drive หรือ AWD กลายเป็นพระเอกขี่่ม้าขาวที่ทำให้รถยนต์อเนกประางคืมีค่า มีราคาและดูเหมือนจะพร้อมสรรพเรื่องลุยมากขึ้น จนคนจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิด อยากนำพวกมันไปบุกป่าฝ่าดง และสุดท้ายจบลงอย่างน่าอนาถใจ
ผมไม่ได้บอกว่าระบบ AWD ทุกบริษัทเหมือนกัน แต่โดยพื้นฐานแล้วมันทำงานคล้ายกัน ระบบ AWD โดยส่วนใหญ่อาศัยการขับกำลังจากเครื่องยนต์ผ่านชุดเกียร์ แต่จะมีการปรับกำลังขับที่เหมาะสมตามสภาพการร์ที่เกิดขึ้น หรือที่ผู้ขับขี่ต้องการ พวกมันอาศัยการตรวจสอบการหมุนของล้อผ่านโปรแกรมควบคุมการทรงตัวและระบบเบรก ABS ที่สามารถดูความเร็วล้อ แล้วผ่านกำลังไปยังล้อที่ต้องการกำลังมากที่สุด และระบบใหม่ๆ บางครั้งไม่แค่เพียงผ่านกำลัง แต่ยังปรับกำลังที่สูญเสียจากล้อหนึ่งไปยังอีกล้อหนึ่งได้ด้วย
ตามปกติแล้วรถยนต์ที่มาพร้อมระบบ AWD จะมีการกระจายกำลังในอัตราที่เหมาะสมตามที่มีการตั้งค่าเอาไว้ เช่นระบบ Symetrical All Wheel Drive ของ Subaru XV ที่มาพร้อมระบบเกียร์แบบ CVT จะตั้งแค่การส่งกำลังระหว่างล้อหน้าและล้อหลังในอัตรา 60/40 และจะมีกำลังขับแบบนี้ จนกว่าระบบจะตรวจพบว่าอยู่ในถนนหรือเส้นทางที่มีการลื่นไถลง่าย ก็จะกระจายกำลังเป็น 50/50 ตามการสั่งการของหน่วยประมวลผล
ระบบ AWD นอกจากระบบประเภทที่ขับกำลังทุกล้อตลอดเวลายังมีระบบที่ขับกำลังสี่ล้อในยามที่ต้องการจริงเท่าน้น ระบบแบบนี้ได้รับความนิยมในรถบางยี่ห้อ พวกมันถูกติดตั้งมาเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ระบบลักษณะดังกล่าวเราเรียกว่าระบบ Real Time All Wheel Drive มีในรถยนต์หลายรุ่นยอดนิยม อาทิ รถยนต์ Honda CR-V หรือ อดีตตัวเด็ด Chevrolet Captiva
รถยนต์หลายรุ่นติดตั้งระบบ AWD เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจมากขึ้นในยามขับบนทางที่ลื่นไถลง่าย
ข้อดีของการผ่านกำลังไปยังชุดล้อที่ต้องการในเวลาจริง คือรถไม่กินน้ำมันมากเกินไปเมื่อขับรถในภาวะปกติ ช่วยให้ผู้ขับขี่ประหยัดน้ำมัน และยังปลอดภัยเมื่อยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ยามเกิดการลื่นไถล
และด้วยความก้าวหน้าเทคโนโลยีในปัจจุบัน ระบบ AWD ของหลายบริษัทสามารถแบ่งกำลังขับได้คล้ายระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เช่นโหมด Lock ของ Nissan X Trail หรือ การติดตั้งระบบ X Mode ของ Subaru ทำให้รถมีความสามารถในการขับขี่มากขึ้น
หากจุดประสงค์หลักของระบบ AWD คือ ทำให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่สูงสุด โดยเฉพาะในภาวะการขับขี่มีอาจมีการลื่นไถลได้สูง เช่นขับในหิมะหรือทางฝนตก เป็นต้น
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ 4WD เป็นระบบจากโลกยุคเก่าที่ยังเก๋าอยู่ในปัจจุบัน ระบบลักษณะนี้ออกแบบมาเพื่อการลุยโดยเฉพาะ โดยอาศัยการควบคุมผ่านระบบกลไกโดยตรง เพื่อควบคุมล้อทั้ง 4 ให้มีกำลังขับตลอดเวลา ในอัตราที่เท่ากัน 50/50 ระหว่างหน้าและหลัง โดยไม่ได้ใช้การควบคุมของระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้าช่วย ในการขับเคลื่อน
หัวใจสำคัญของระบบเคลื่อนสี่ล้อคือ ว่า ระบบจะขับกำลังไปยังล้อตลอดไม่ว่าล้อจะต้องการกำลังขับหรือไม่ ผ่านชุดเกียร์ที่มีการทดเอาไว้เพื่อขับ โดยระบบจะไม่ขับเคลื่อนสี่บ้อเองโดยอัตโนมัติ ถ้าผู้ขับขี่ไม่สั่งการใช้ระบบให้ทำงาน รวมถึงระบบขับเคลื่อนบบนี้ยังมี 2 ตำแหน่งในการขับขี่ให้เลือก คือ ตำแหน่งเกียร์ปกติ และ ตำแหน่งเกียร์ต่ำ หรือ เกียร์ Low ซึ่งจะมีอัตราทดเกียร์มากกว่าปกติ เหมาะกับการต้องลุยปีนป่าย หรือฝ่าอุปสรรค ที่อาจต้องการแรงบิดมากกว่าปกติ
ในแง่การใช้งานจริง ด้วยความที่ระบบเหล่านี้ไม่ได้ทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์กำลังขับที่ส่งมาจึงอาจไม่ได้กระจายเท่ากันสี่ล้อตลอดเวลา ทำให้ในบางสถานการณ์ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออาจไม่สามารถฝ่าอุปสรรค เช่นถ้าล้อคุณลอยชี้ฟ้าข้างหนึ่ง อีกข้างอยู่ในหลุม ล้อข้างที่ไม่มีภาระจะหมุนโดยอิสระและไม่ส่งกำลังไปอีกข้าง หากสองล้อหน้าไม่มีจังหวะตะกุยที่ดี ก็มีโอกาสสูงที่คุณจะต้องขอความช่วยเหลือให้ใครสักคนมาช่วยคุณ
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เมื่อวิศวกรคิดติดตั้งระบบ locking differential มาให้ ระบบนี้จะล็อคเพลาขับระหว่างล้อซ้ายกับขวาให้หมุนในอัตราที่เท่ากัน ทำให้การฝ่าอุปสรรคง่ายขึ้น และคลายปัญหาเรื่องการลุยไปได้หลายเปราะ
อย่างไรก็ดี ปัญหาสำคัญของระบบ 4WD คือ พวกมันใช้ลุยได้ดี แต่ไม่เหมาะกับการขับบนถนนทั่วไป ไม่ว่าถนนลื่นหรือไม่ ระบบขับเคลืือนสี่ล้อแบบนี้ จะมีการล็อคแรงขับในอัตรา 50/50 หน้าและหลังเสมอ ทำให้เกิดการเลี้ยวยาก เมื่อขับขี่ เนื่องล้อมีกำลังขับเท่ากันทั้งหมด มันคงไม่สนุกที่คุณจะขับรถแล้วรู้สึกขืนๆ โดยเฉพาะเส้นทางที่มีทางโค้งต่อเนื่อง หรือเวลากลับรถ จึงไม่เหมาะต่อการขับบนถนน
มันแตกต่างแล้วเลือกซื้ออะไรดีกว่ากัน
หลายคนที่ต้องการระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ มักตอบคำถามตัวเองในความต้องการในแง่การลุยเสมอ หรือต้องการรถสำหรับเที่ยววันว่างและสามารถไปได้มากกว่าแค่ขับบนถนน
คำถามสำคัญคือ คุณต้องการลุยมากแค่ไหนกัน และอยากไปบุกป่าฝาดงขนาดไหน แต่ละคนให้ความหมายของคำว่าลุยไม่เท่ากัน แต่ถ้าให้บัญญัติว่าเมื่อไรต้องการระบบขับเคลื่อนแบบ 4WD คุณต้องลุยระดับเขากระโจม มีการปีนป่านทางชัน มีเส้นทางที่เป็นหลุมบ่อเยอะๆ ไม่สวยงามราบเรียบ ซึ่งถ้าคุณลุยอย่างน้อยเดือนละครั้ง 4WD คือเพื่อนแท้
แต่กลับกันถ้าคุณเป็นคนปกติ ใช้ชีวืตในเมืองมากกว่าขับรถบนถนนปกติมากว่า และเพียงต้องการว่าในวันว่างเราจะควงกันไปเที่ยวไปลุยแบบไม่ถึงกับต้องเข้ารกเข้าพงมาก เอาพอให้ชีวิตมีสีสัน และยังต้องการรถที่ตอบสนองได้ดีในการขับขี่ทุกวัน พร้อมช่วยคุณเสมอตลอดทั้งเส้นทาง ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD น่าจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า
ถ้าสรุปสั้นๆ เข้าใจง่ายๆ ว่าทั้ง 2 ระบบต่างกันอย่างไร คงจะได้ข้อมูลคร่าวๆ ประมาณนี้
AWD | 4WD | |
ปรับเป็นขับสองได้ | ทำได้บางยี่ห้อบางยี่ห้อ | ได้ |
ขับสี่ล้อตลอดเวลา | ใช่ (มีการแปรผันหน้าและหลัง กำลังขับไม่เท่ากัน) | ไม่ใช่ |
การประหยัดน้ำมัน | แย่กว่า | ดีกว่า |
ความสามารถในลุย | ขึ้นอยู่กับโหมดขับขี่หรือการเซทโปรแกรมของวิศวกร | เลือกได้ 2 ระดับ 4 Hi – 4 Low และอาจมากกว่านี้ในบางผู้ผลิต |
การขับกำลังสี่ล้อโดยอาศัย | กลไก และระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำงานควบคู่กัน | ระบบกลไกเป็นหลัก |
เหมาะกับการขับบนถนน | เหมาะใช้งานได้ตลอดทุกสภาพถนน | ไม่เหมาะควรปรับเป็นขับสองเมื่ขับบนถนน |
มาถึงตรงนี้เชื่อว่า หลายคนคงอยากให้ฟันธงว่า ระบบไหนเหมาะกับคุณกว่า ผมคงไม่สามารถตอบได้ว่า ระบบไหนจะเหมาะกับคุณผู้อ่านมากกว่า เนื่องจากภาวะการใช้รถของเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่วันนี้อย่าวน้อยที่สุดคุณก็เข้าใจในเบื้องต้นแล้วว่า ระบบทั้งสองต่างกันอย่างไร และในวันหน้าถ้าต้องเลือกรถที่มาพร้อมระบบเหล่านี้ จะได้มองหาตัวเลือกที่ถูกต้อง
1.รถที่เหมาะกับผู้หญิง “Toyota Yaris ATIV”
อีกรุ่นรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อสาวๆ โดยเฉพาะ ด้วยเครื่องยนต์ 3NR-FE เทคโนโลยี DUAL VVT-i 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร 86 แรงม้า ระบบเกียร์ Super CVT-I และระบบควบคุมการทรงตัวช่วยในการขับขี่ให้สะดวกขึ้น รูปลักษณ์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวแต่ภายในหรูหรามีระดับ ห้องโดยสารมีความกว้างสบาย ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 415,000 บาท
รถยนต์มาสด้า ในปัจจุบันถือว่าเป็นกระแส และเป็นที่พูดถึงเป็นวงกว้างในวงการรถยนต์ ด้วยดีไซน์ เทคโนโลยี คุณภาพ ความประหยัด ที่ใครได้เห็นเป็นต้องมอง และอยากได้มาครอบครอง หากคุณอยากเป็นผู้หญิงที่ดูดี มีสไตล์ เลือกขับ Mazda ก็ถือว่า เป็นรถยนต์รุ่นท็อปที่ควรค่าแก่การครอบครอง ราคา 455,000 บาท
เมื่อพูดถึงรถยนต์ในประเทศไทยที่ได้รับความนิยม หรือเป็นรถยนต์ที่พูดถึงกันมาก หากไม่เอ่ยถึง Honda คงเป็นเรื่องผิด เพราะแบรนด์นี้ ถือว่าตีตลาดรถยนต์ในเมืองไทยมาอย่างยาวนานแถมยังได้รับความนิยมมากด้วย ซึ่งรถยนต์คันเล็กที่เหมาะกับคุณผู้หญิงของ Honda ก็มีหลายรุ่นด้วยกัน เช่น Brio, Brio Amaze, City, Jass, Mobilio, BR-V, CIVIC และรุ่นอื่นๆอีกมากมาย ที่มีให้คุณเลือกซื้อตามไลฟ์สไตล์การขับขี่ที่คุณมี เอาเป็นว่าหากคุณสนใจ ก็ลองศึกษาข้อมูล เพื่อหารถยนต์ที่เหมาะกับคุณที่สุด 415,000 บาท
4.รถที่เหมาะกับผู้หญิง “ Nissan Sylphy 2016 ”
รถ NISSAN SYLPHY ปี 2016 เรียกได้ว่าเป็นรถเก๋งที่หรูหราขั้นสุดของนิสสันทีเดียว และมีการตกแต่งภายในที่สาว ๆ นั่งแล้วคงไม่อยากจะลง เบาะหนังทั้งคันดูเนี๊ยบ และมีหน้าจอที่คิดว่าใช้ดูรายการต่าง ๆ ได้ด้วย ภายในกว้างขวางนั่งสบายมาก ๆ ทั้งคนขับและผู้โดยสาร ดังนั้นจึงต้องรอราคากันอีกสักพัก 475,000 บาท
GPS/พิกัด: 13 ํ44'45.1"N 100 ํ27'10.2"E
13.745559, 100.453042